ลูกพลับ กับ 5 ประโยชน์ดีๆ ที่คุณอาจไม่เคยรู้

พูดถึง ลูกพลับ แล้ว หลายๆ คนคงจะรู้จักว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร รสชาติเป็นอย่างไร แต่บางคนอาจจะไม่เคยเห็นลูกพลับสดๆ หรือไม่เคยได้ลิ้มรสลูกพลับมาก่อน ลูกพลับนั้นเป็นผลไม้ที่มีทั้งรสหวานและรสฝาด

ผู้บริโภคจึงจำเป็นต้องมีเทคนิคและสกิลในการเลือกพอสมควร หรืออาจจะเลือกลูกพลับตามสายพันธุ์ หรือแหล่งจัดจำหน่ายที่ไว้ใจได้ เพื่อให้ได้รสชาติที่พอใจ แต่อย่างไรก็ตามลูกพลับนอกจากจะมีรสชาติที่อร่อยแล้ว ยังมีคุณค่าทางอาหารและประโยชน์อีกด้วย

ต้นพลับ มีอยู่หลายสปีชีส์ด้วยกัน โดยสปีชีส์ที่นิยมปลูกในบ้านเรามากที่สุดก็คือสปีชีส์ Diospyros kaki L.f. (ญี่ปุ่นจะเรียกว่า “คาขิ”) ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในภาคเหนือของจีน มีการรับประทานลูกพลับมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น และต่อมาได้แพร่กระจายพันธุ์เข้าไปในญี่ปุ่น และในปัจจุบันก็ได้กลายเป็นผลไม้ยอดนิยมของชาวญี่ปุ่นไปแล้ว และก็มีลูกพลับอีกสปีชีส์หนึ่งที่นิยมปลูกในยุโรปซึ่งก็คือสปีชีส์ Diospyros virginiana L.

ลูกพลับ สามารถจำแนกตามรสชาติได้ออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ลูกพลับหวาน เช่น พันธุ์ฟูยุ (รสหวาน ผลสุกสีส้มอมเหลือง สามารถรับประทานสดๆ ได้) และลูกพลับฝาด เช่น พันธุ์ซิชู พันธุ์ฮาชิยา (รสฝาด เนื้อนิ่ม ผลสุกเนื้อสีส้มอมแดง ต้องนำมาผ่านกระบวนการลดความฝาดก่อนถึงจะรับประทานได้)

ลูกพลับ

สารอาหารในลูกพลับ

ลูกพลับ เป็นผลไม้ที่มีดีมากกว่ารสชาติที่อร่อย เพราะจัดว่าเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงและให้แคลอรีต่ำ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่รักสุขภาพ หากคุณรับประทานลูกพลับ 1 ผล (หรือประมาณ 168 กรัม) คุณจะได้รับคุณค่าทางสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้

  • พลังงาน 118 แคลอรี่
  • คาร์โบไฮเดรต 31 กรัม
  • โปรตีน 1 กรัม
  • ไขมัน 0.3 กรัม
  • ไฟเบอร์ 6 กรัม

นอกจากนี้ลูกพลับยังให้วิตามินและแร่ธาตุสำคัญ ที่ช่วยให้สุขภาพดีอีกมากมาย ได้แก่

  • วิตามินเอ
  • วิตามินซี
  • วิตามินอี
  • วิตามินเค
  • วิตามินบี 1
  • วิตามินบี 6
  • โพแทสเซียม
  • ทองแดง
  • แมงกานีส
  • โฟเลต
  • แมกนีเซียม
  • ฟอสฟอรัส

ประโยชน์ของลูกพลับ

  • ดีต่อสายตา

ในลูกพลับมีสารต้านอิสระสำคัญที่ชื่อ ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) สารต้านอนุมูลอิสระทั้งสองชนิดนี้เป็นสารอาหารสำคัญที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา ป้องกันความสูญเสียทางการมองเห็น

  • มีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทและสมอง

ลูกพลับอุดมไปด้วยสารไฟเซติน (Fisetin) ซึ่งเป็นสารอาหารในกลุ่มของสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) โดยสารไฟเซตินมีส่วนช่วยเสริมสร้างความจำ ช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อระบบเส้นประสาทและสมอง รวมถึงมีส่วนช่วยในการป้องกันความเสื่อมสมรรถภาพทางสติปัญญาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังพบว่าสารไฟเซตินมีส่วนช่วยเพิ่มระดับเซโรโทนินในร่างกายอีกด้วย

  • ดีต่อสุขภาพหัวใจ

ผักและผลไม้หลายชนิดมีส่วนช่วยเสริมสร้างสุขภาพหัวใจและช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจ ลูกพลับก็เช่นเดียวกัน เพราะในลูกพลับมีสารอาหารสำคัญต่อหัวใจนั่นคือโพแทสเซียม

ซึ่งหากร่างกายได้รับโพแทสเซียมอย่างเพียงพอก็จะช่วยลดความดันโลหิต ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่นำไปสู่โรคหัวใจ วิตามินซีและโฟเลตในลูกพลับเองก็มีส่วนช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมองและภาวะหัวใจวาย

  • มีส่วนช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

ผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มสีส้มหรือสีเหลืองอย่างลูกพลับ จัดว่าเป็นกลุ่มอาหารที่ให้สารอาหารสำคัญอย่างเบต้าแคโรทีน (Beta Carotene) ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีส่วนสำคัญในการควบคุมและลดอัตราการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง 

และเนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงจึงดีต่อระบบขับถ่ายและระบบย่อยอาหาร ช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดีมากขึ้น จึงลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาในลำไส้อย่างมะเร็งลำไส้ใหญ่

  • มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน

ไม่ใช่แค่เพียงการหมั่นออกกำลังกายและการดื่มนมเท่านั้นที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง การรับประทานผักและผลไม้ต่างๆ ก็ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพกระดูกเช่นกัน

โดยเฉพาะกับลูกพลับซึ่งมีสาร โพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharide) ที่ได้รับการค้นพบและวิจัยว่ามีส่วนช่วยลดโอกาสในการเป็นโรคกระดูกพรุนได้

ลูกพลับ

วิธีเลือกลูกพลับ

  • เลือกลูกพลับที่มีผลอวบ มีผิวเรียบเนียน เป็นเงาวาว ไม่มีรอยแตกหรือรอยช้ำ
  • หากต้องการรับประทานลูกพลับทันที หรือกินภายใน 1-2 วัน ควรเลือกลูกพลับที่สุกแล้ว เพราะลูกพลับที่ยังไม่สุกอาจจำเป็นต้องใช้เวลาอีก 2-3 วัน กว่าที่ลูกพลับจะสุกพร้อมรับประทาน
  • หากซื้อลูกพลับที่ยังไม่สุกมา และต้องการทำให้สุก สามารถเก็บลูกพลับไว้ในอุณหภูมิห้องได้เลย โดยนำลูกพลับใส่ไว้ในถุงกระดาษที่ปิดมิดชิด

ข้อควรระวังในการรับประทานลูกพลับ

  1. โปรดแน่ใจว่าตนเองไม่มีอาการแพ้ลูกพลับ เพราะหากมีอาการแพ้ที่รุนแรงอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หรืออันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ในกรณีที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรง
  2. หากมีอาการทางสุขภาพที่เกี่ยวกับช่องท้อง กระเพาะอาหาร หรือมีการผ่าตัดที่เกี่ยวเนื่องกับช่องท้องหรือกระเพาะอาหาร ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานลูกพลับไปก่อนจนกว่าจะหายดี เนื่องจากอาจเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาการอุดตันในลำไส้ได้ 
  3. ล้างลูกพลับก่อนนำมารับประทานเสมอ
  4. หากนำไปแช่ตู้เย็นควรเก็บลูกพลับให้ห่างจากอาหารประเภทอื่น เช่น เนื้อสัตว์ หรือปลา เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของอาหาร หรืออาจทำให้กลิ่นของอาหารผิดเพี้ยนไป

สำหรับลูกพลับสีส้มสดๆ น่ารับประทาน รสชาติหวานๆ ชวนสดชื่น ใครที่ยังไม่เคยลิ้มลองก็ไปหามาลองทานกันดู นอกจากจะอร่อยแล้ว ประโยชน์ยังเยอะสุดๆ ด้วยหล่ะ

เป็นเรื่องที่ถามไปแล้วทุกคนก็คงจะคิดไม่ออกเหมือนกัน ถ้าดวงอาทิตย์หายไป จะเกิดอะไรขึ้น มาตามหาข้อเท็จจริงกันเถอะ แล้วยังไม่พอเรามารู้จักกับ “ ไฟโบรมัยอัลเจีย ” โรคเรื้อรังใกล้ตัว ที่ทำให้คุณปวดเมื่อยและอ่อนเพลีย