หน้าฝนจะขับรถอย่างไรให้ปลอดภัย ?

จากสถิติของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ในช่วงเดือนมิถุยายนถึงเดือนตุลาคมนั้น มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากกว่าช่วงปกติอย่างชัดเจน คิดเป็นเกือบร้อยละ 40 ของอุบัติเหตุบนท้องถนนของทั้งปี เราสังเกตได้ว่าช่วงหน้าฝนทีไร  มักจะมีข่าวการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนถี่มาก ทั้งสาเหตุจากถนนลื่น เบรกไม่อยู่ รถเสียหลัก ตกถนน และอีกปัจจัยเกิดจากอุปกรณ์ของรถยนต์เสื่อมสภาพไม่พร้อมใช้งานอย่างสมบูรณ์ รวมถึงผู้ขับขี่ขาดประสบการณ์ในการขับรถยนต์บนพื้นผิวที่เปียกลื่น วันนี้ รวบรวมทริค หน้าฝนจะขับรถอย่างไรให้ปลอดภัย ที่ทั้งคนขับรถมือเก่าและใหม่ควรรู้อย่างยิ่ง จะมีวิธีปฏิบัติอย่างไรบ้างไปดูกันเลย

หน้าฝนจะขับรถอย่างไรให้ปลอดภัย ?
  • ตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์

โดยเริ่มเช็คจากพวกของเหลวต่างๆ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ ว่าอยู่ในระดับปกติหรือไม่โดยเช็คได้จากก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง หรือดูว่าถึงระยะที่ควรต้องเปลี่ยนถ่ายหรือยัง ถ้าครบวาระแล้วก็ควรรีบเปลี่ยนเลย แต่ถ้ามีอาการรั่วซึมออกจากระบบ อันนี้เรื่องใหญ่

เพราะถ้าฝืนขับไปจนน้ำมันเครื่องแห้ง งานนี้มีแต่พังกับพัง วิธีสังเกตก็ให้ตามซีนเครื่อง ซีนเกียร์ และตามรอยต่อต่างๆ ว่ามีคราบน้ำมันซึมออกมาหรือไม่ หรือดูที่ใต้ท้องรถว่าจากคราบน้ำมันหยดไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งถ้าพบว่ามีการรั่วซึมให้รีบซ่อมแซมทันที

หน้าฝนจะขับรถอย่างไรให้ปลอดภัย ?
  • ตรวจเช็คสภาพเบรกและช่วงล่าง

สิ่งสำคัญคือผ้าเบรกและน้ำมันเบรก ซึ่งควรเปลี่ยนที่ระยะทาง 50,000 กม. หรือไม่ควรเกิน 2 ปี ควรเช็คระดับน้ำมันเบรกทุกสัปดาห์ รวมถึงพวกท่อทางเดินน้ำมันเบรกว่ามีการรั่วซึมหรือไม่ และหมั่นสังเกตการทำงานของเบรกว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า เช่น มีเสียงดังขณะเบรก หรือการเบรกไม่ค่อยอยู่ ถ้าเป็นรถรุ่นใหม่บางรุ่นจะมีไฟเตือนบนหน้าปัด ซึ่งถ้าพบสิ่งผิดปกติตรงไหนหรือเกินระยะการใช้งานแล้ว ให้รีบแก้ไขโดยด่วน เพราะถ้าฝืนขับไปอาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายในหน้าฝนแบบนี้

ส่วนช่วงล่างนั้นอย่างแรกๆ ให้ดูที่ยางหุ้มแร็ค, ยางหุ้มเพลาและโช็คอัพว่ามีรอยฉีดขาดหรือมีคราบน้ำมันรั่วซึมออกมาหรือไม่ ถ้ามีให้เปลี่ยนเสียเลย ซึ่งถ้าปล่อยไว้คุณอาจจะได้เปลี่ยนมากกว่านั้น เพราะเวลาขับรถลุยน้ำ พวกโคลน หิน ดิน ทราย จะเข้าไปทำความเสียหายได้

หน้าฝนจะขับรถอย่างไรให้ปลอดภัย ?
  • เลี่ยงการขับลุยน้ำท่วมขัง

สภาพท้องถนนในบ้านเราเมื่อมีฝนตกจะมีแอ่งน้ำอยู่เป็นช่วงๆ ผู้ขับขี่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ถ้าเป็นไปได้ควรใช้ช่องทางเดินรถที่ไม่มีน้ำท่วมขัง ถ้าหลักเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเห็นแล้วให้ชะลอความเร็ว จับพวงมาลัยให้มั่นคง อย่าใช้เบรก หรือกดคันเร่งเพื่อผ่านไปอย่างรวดเร็ว จะทำให้รถเสียการทรงตัวได้ หรือมีอาการเหินน้ำทำให้เสียการควบคุมรถไป

  • เว้นระยะห่างคันหน้าให้มากขึ้น

การขับรถบนสภาพถนนที่เปียกลื่นนั้น ผู้ขับขี่จะต้องเว้นระยะห่างจากคันหน้าให้มากขึ้นกว่าปกติ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ต้องเบรกกะทันหันจะได้มีระยะเบรกที่ปลอดภัย เพราะถ้าเบรกเปียกน้ำจะมีระยะเบรกที่มากกว่าสภาพเบรกที่แห้ง

  • ตรวจเช็คระบบไฟส่องสว่าง

ระบบไฟส่องสว่างต่างๆ ตั้งแต่ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว และไฟตัดหมอกว่าอยู่ในสภาพดี ถ้ามีคราบสกปรกก็ให้ควรทำความสะอาดให้ใส ถ้าพบว่ามีหลอดไหนไม่ติด ควรเปลี่ยนให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและติดครบทุกดวง เพื่อความสว่างชัดเจนและเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้นและยังช่วยให้รถคันอื่นเห็นรถเราได้ชัดขึ้นอีกด้วย

  • ใช้สัญญาณไฟให้ถูกต้อง

การขับรถในช่วงฝนตกแล้วเปิดไฟฉุกเฉินกระพริบทั้งสองข้างเป็นสิ่งที่ผิด เพราะจะทำให้รถคันอื่นเข้าใจผิดคิดว่าคุณจะเลี้ยว ควรจะใช้สัญญาณไฟดังกล่าวในกรณีที่จอดรถหรือรถหยุดนิ่งเท่านั้น ถ้าฝนตกไม่มากให้เปิดไฟหรี่ และถ้าฝนตกหนักมากให้เปิดไฟใหญ่ไปเลย

ในรถรุ่นใหม่ๆ จะมีไฟตัดหมอกทั้งหน้าและหลัง ให้เปิดใช้และปิดทันทีเมื่อฝนหยุดตก เพราะจะเป็นการรบกวนสายตาผู้ขับรถคันอื่นได้

  • ใช้เบรกให้เป็นในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ

จะมีระบบป้องกันล้อล็อดในกรณีเบรกอย่างกะทันหัน หรือระบบเบรก ABS ผู้ขับขี่ควรศึกษาและใช้อย่างถูกวิธี เมื่อต้องเบรกอย่างกะทันหัน ควรเบรกเพียงครั้งเดียว เมื่อระบบทำงานจะช่วยรักษาเสถียรภาพการทรงตัวของรถและระยะทางในการเบรกที่สั้นลง

ถ้าเบรกแบบย้ำหลายๆ ที จะให้เบรกต้องทำงานใหม่ทุกครั้งที่ยกเท้าออกจากแป้นเบรก ทำให้ระยะเบรกจะมากขึ้นกว่าปกติ

  • ตรวจเช็คสภาพยาง

อันนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อการขับขี่มากที่สุดสำหรับการขับรถในหน้าฝน ลองคิดดูว่ารถ 1 คันไม่ว่าราคาหลักแสนหรือแพงระดับ 10 ล้าน ทุกคัน มีเพียงพื้นที่ของหน้ายางเท่านั้นที่สัมผัสอยู่กับพื้นถนน ซึ่งต้องตรวจเช็คยางให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอโดยเฉพาะช่วงหน้าฝนแบบนี้

เพียงแค่ทำตาม 8 ทริคข้างต้น คุณก็พร้อมแล้วที่จะใช้รถอย่างปลอดภัยในช่วงหน้าฝน เพียงแค่คุณสละเวลาเพียงนิดหน่อย เพื่อเตรียมความพร้อมของรถให้พร้อมกับการใช้งาน และสำคัญที่สุดเลยหากเกิดอะไรขึ้นก็ขอให้มีสติก่อน เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาได้

หลังจากได้อ่านบทความ หน้าฝนจะขับรถอย่างไรให้ปลอดภัย ? เสร็จไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คราวนี้มาดูเรื่อง 4 เทคนิคแต่งบ้าน ให้เหมือนนอนรีสอร์ท บรรยากาศในบ้าน ถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่ช่วยส่งเสริมสิ่งต่าง ๆ ให้กับผู้อยู่ ทั้งเรื่องของพัฒนาการ อารมณ์ ความรู้สึก และอื่น ๆ ความจริงสไตล์การจัดบ้าน ไม่สามารถที่จะมาฟิกส์ได้ 

บทความแนะนำเพิ่มเติม : 7 ที่เที่ยวเขาใหญ่ ใกล้เมืองหลวง บรรยากาศดี